วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เพื่อนธรรม ขอบคุณ ยามเช้า 17 Jun 2010

ป ฏิ บั ติ ส ม่ำ เ ส ม อ
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
http://kicen/index.php?option=com_content&view=article&id=796:feng-feng&catid=49:dharma-column-&Itemid=87

บางคนคิดว่า การปฏิบัติกรรมฐานคือ
การเดินจงกรมและนั่งสมาธิเท่านั้น

แต่หลวงพ่อเน้นว่าการปฏิบัติอยู่ที่สติมากกว่าที่อิริยาบถ

อย่างที่ท่านเทศน์ในตอนหนึ่งว่า

“ไม่ใช่เดินเพียร นั่งเพียร แต่รู้เพียร”

คือ ฝึกให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมทุกอิริยาบถ
ไม่ใช่เฉพาะเวลานั่งสมาธิ หรือเดินจงกรมเท่านั้นเคล็ดลับของท่านก็คือ

ปฏิบัติเรื่อยไปอย่างสม่ำเสมอ
ไม่เคร่งเกินไป แต่ก็ไม่หย่อน
ให้พอดีแก่การขัดเกลากิเลส
จึงจะเรียกว่า เป็นสัมมาปฏิปทา เพราะว่า

“การทำความเพียร ไม่ได้ขีดขั้น
จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ได้ทั้งหมดนั้น
แม้กวาดลานวัดอยู่ก็บรรลุธรรมะได้
แม้แต่เพียงมองเห็นแสงพยับแดดเท่านั้น ก็บรรลุธรรมะได้

จะต้องมีสติพร้อมอยู่เสมอ
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เพราะมันมีโอกาสที่จะบรรลุธรรมอยู่ตลอดเวลา
อยู่ทุกสถานที่ เมื่อเราตั้งใจพิจารณาอยู่”

นี่คือปฏิปทาในการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ใช่ทำเป็นเวลา แต่ต้องทำตลอดเวลา
อย่างที่หลวงพ่อท่านเรียกว่า “สติจำกาล”
ปฏิปทาที่ไม่ติดต่อสม่ำเสมอนั้นหลวงพ่อเปรียบเทียบว่า

“เหมือนหยดน้ำที่ไม่ต่อเนื่องกัน”

“น้ำที่เราหยดลงไปอย่างนี้ หยดห่าง ๆ ปั๊บ...ปั๊บ...ปั๊บ...
ถ้าเราเร่งความเร็วขึ้นหยดน้ำก็ถี่เข้า ๆ ปั๊บ...ปั๊บ...ปั๊บ...
เร่งขึ้นไปอีก มันก็ติดกันไหลเป็นสาย

สติของผู้ปฏิบัติที่ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่สม่ำเสมอ
ก็เหมือนหยดน้ำที่ยังไม่ต่อเนื่องกัน มันก็เป็นวรรคเป็นตอน
แต่ถ้าเราเร่งให้น้ำไหลเร็วขึ้น หยดน้ำก็หายไป กลายเป็นสายน้ำ

การฝึกสติของเราก็เช่นเดียวกัน
นาน ๆ นึกขึ้นได้ก็ตั้งสติเสียทีหนึ่ง
เราก็จะมีสติที่ขาดเป็นช่วง ๆ เหมือนหยดน้ำ

ถ้าเราพยายามระลึกรู้อยู่เสมอ
มีสติในทุกการที่ทำ คำที่พูด และความรู้สึกนึกคิด
เราก็จะเป็นผู้มีสติตลอดเวลา ไม่เผลอ
เหมือนหยดน้ำที่ต่อกันเป็นสายน้ำ”


(ที่มา : ธรรมอุปมา -พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) )



วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ระบบปฏิบัติการ Android

ทำความรู้จักกับระบบปฏิบัติการ Android

ระบบปฏิบัติการ คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมการทำงานคุณสมบัติทั้งหมดของอุปกรณ์ อิเลคทรอนิคส์ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ หรือ คอมพิวเตอร์ ก่อนหน้านี้คนไทยอาจจะเคยได้ยินชื่อ Symbian / Windows Mobile / Linux แต่ไม่นานมานี้ ระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่อย่าง Android (แอนดรอยด์) ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น และเริ่มใช้งานในเชิงพาณิชย์หรือมีวางจำหน่ายให้กับลูกค้าเมื่อปลายปี 2551

Android OS ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์

Android (แอนดรอยด์) มีพื้นฐานการทำงานมาจาก ระบบปฏิบัติการ Linux ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทที่ใช้ชื่อว่า แอนดรอยด์ แล้วถูกนำมาพัฒนาต่อยอดโดย กูเกิ้ล พร้อมด้วยความร่วมมือจากบริษัทต่างๆ รวมไปถึง ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ มากกว่า 30 ราย Android เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ปีต่อมาจึงนำไปใส่ในโทรศัพท์มือถือพร้อมออกวางจำหน่ายให้กับลูกค้า ได้ยลโฉมระบบปฏิบัติการใหม่ในปี พ.ศ. 2551 สิ่งที่ทำให้ Android ได้รับความสนใจจากบริษัทผลิตโทรศัพท์มือถือรวมไปถึงลูกค้า นั่นก็คือเรื่องลิขสิทธิ์นำ Android ไปใช้งาน จะอยู่ในลักษณะของซอฟต์แวร์เสรี หรือ สามารถนำ Android ไปใช้งานได้ฟรี อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้โปรแกรมเมอร์หรือผู้พัฒนาโปรแกรม ได้ดาวน์โหลดชุด Software Develop Kit ไปพัฒนาโปรแกรมได้อย่างอิสระ ส่งผลให้ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ Android เข้าไปดาวน์โหลดโปรแกรมและเกมส์ต่างๆ ได้ฟรี (มีค่าบริการในบางโปแกรม)

การใช้งานเบื้องต้น

Android OS ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ Android OS ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์

หน้าจอหลัก แสดงผลได้ 3 หน้า แต่ละหน้าสามารถวางทางลัดหรือ Widget ได้อย่างอิสระ
เลื่อนดูหน้าถัดไปหรือหน้าที่แล้วได้โดยการลากนิ้วไปด้านข้าง

Android OS ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ Android OS ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์

เมื่อสัมผัสพื้นที่ว่างบนหน้าจอหลัก ก็จะมีเมนูขึ้นมาให้เลือกดีงทางลัดมาแสดง ใส่ Widget สร้างแฟ้มข้อมูล และ ตั้งค่ารูปภาพพื้นหลัง

Android OS ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ Android OS ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์

รูปภาพบนซ้าย แสดงฟังก์ชั่นต่างๆ หรือเมนูหลัก
รูปภาพบนขวา แสดงหน้าตาเบราเซอร์ สามารถขยายหรือเลื่อนหน้าเว็บได้อย่างรวดเร็ว

วีดีโอสาธิต การใช้งานเบราเซอร์

วีดีโอสาธิต การตั้งค่าหน้าจอหลัก

วีดีโอสาธิต การใช้งานหลายฟังก์ชั่นพร้อมกัน

วีดีโอแนะนำ Android เวอร์ชั่น 1.5

นอกจากจะเป็น ระบบปฏิบัติการในรูปแบบ ซอฟต์แวร์เสรี Android ยังมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน ตอบสนองลูกค้ากลุ่มใหม่ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น เครื่องมือของ Google เว็บเบราเซอร์ โปรแกรมเอกสาร ออร์กาไนเซอร์ เครื่องเล่นมัลติมีเดีย ควบคุมการทำงานโดยอาศัยโทรศัพท์มือถือที่มีจอแสดงผลระบบสัมผัส ทำงานได้ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ตอบสนองคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว

Android OS ระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ แหล่งข้อมูล :
Android.com l Android Phone Community - ข้อมูลผู้ใช้ "แอนดรอยด์"
http://www.touchphoneview.com/press/android/android.htm

อันตรายที่มองไม่เห็น.....จากมือถือ!

อันตรายที่มองไม่เห็น.....จากมือถือ!

ในปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือได้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 สำหรับการดำรงชีวิตของประชากรโลกและประชาชนชาวไทยในเกือบทุกระดับ ทุกเพศและเกือบทุกวัยไปแล้ว ประมาณการผู้ใช้ "โทรศัพท์เคลื่อนที่" หรือ "มือถือ" ทั่วโลก... ขณะนี้มีถึง 400 ล้านเครื่อง ล่าสุดนั้น บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มีผลวิจัยออกมาว่าคนไทยใช้มือถือ กันถึงประมาณ 20 ล้านเครื่อง สมัยนี้ใครไม่มีมือถือใช้ถือว่าตกเทรนด์ เชยสุดๆ หากวันใดที่มองไปยังถนนแล้วไม่เห็นคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือ แม้ว่ากำลังขับรถอยู่ก็ตาม ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เนื่องจากในปัจจุบัน ราคาจำหน่ายของเครื่องโทรศัพท์มือถือมีราคาที่ถูกลงมากเมื่อเทียบกับสมัย ก่อน ประกอบกับรายการส่งเสริมการขาย (Promotion) ที่ผู้รับสัมปทานทยอยออกมาแข่งขันกันเรียกเงินจากกระเป๋าของผู้ใช้บริการที่ ขาดความรู้เท่าทันในชั้นเชิงทางธุรกิจ ทำให้ธุรกิจมือถือเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ตัวผู้ใช้บริการเองก็ไม่ได้ตระหนักถึงเป้าหมายที่แท้จริงของโทรศัพท์ มือถือที่มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร และไม่รู้ถึงภัยเงียบที่แฝงเร้นมากับคลื่นจากโทรศัพท์มือถือ ผลจากการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง "การศึกษาผลกระทบจากโทรศัพท์มือถือ" ของสภาสมาคมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สสวทท.) ได้สรุปผลกระทบจากโทรศัพท์มือถือออกมาว่า การใช้โทรศัพท์มือถือแนบไว้ที่หูครั้งละนานๆ เป็นเวลาหลายปี น่าจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้โดยตรง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวโดยมีรายงานการวิจัยในหลอดทดลองพบว่า คลื่นไมโครเวฟจากโทรศัพท์มือถือ สามารถทำให้เกิดความร้อนและทำร้ายเซลล์ภายในเนื้อเยื่อบริเวณหู, ตาและสมองได้ ผลกระทบในระยะสั้น ผู้ที่ได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือจะทำให้เกิดอาการปวดหู ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว มึนงง ขาดสมาธิและเครียด เนื่องจากระบบพลังงานภายในร่างกายถูกรบกวน สำหรับผลในระยะยาว คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถืออาจทำให้เกิดโรคความจำเสื่อม เนื่องจากเนื้อเยื่อถูกทำลายเกิดมะเร็งสมอง เนื่องจากเนื้อเยื่อสมองมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมไปจากปกติและทำให้เกิด โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หน่วยงานวิจัยเทคโนโลยีของโทรศัพท์ไร้สายหรือ "WTR" (Wireless Technology research) ได้ศึกษาค้นคว้าผลข้างเคียงจากการใช้โทรศัพท์มือถือมานานร่วม 7 ปี ก่อนจะมีรายงานสรุปผลว่า รังสีไมโครเวฟที่แพร่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือนั้น มีฤทธิ์ทำลายสารพันธุกรรมในเม็ดเลือด แต่สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ระดับความถี่ของรังสีไมโครเวฟ แต่เป็นช่วงระยะเวลาของการใช้งาน ดังนั้นผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือคุยต่อเนื่องกันนานๆ เช่น คู่รักที่อยู่ห่างไกลกันหรือชายหนุ่มหญิงสาวที่เพิ่งเริ่มจีบกันใหม่ๆ มีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นโรคเนื้องอกในสมองชนิดหนึ่ง เรียกกันทางการแพทย์ว่า "Neuroepithelial Tumors ด้วยความปรารถนาดี

ข้อมูลดีๆจาก

http://www.thaiandroidphone.com/thread-937-1-1.html